La Traviata ดุจเพชรน้ำ tears ที่ส่องประกายความรักและความเศร้า
“La Traviata,” หรือ “ผู้หญิงตกนรก” เป็นโอเปราที่แต่งขึ้นโดย จูเซปเป เวอร์ดี (Giuseppe Verdi) ในปี พ.ศ. 2397 ซึ่งได้สร้างความฮือฮาให้กับวงการดนตรีตั้งแต่ครั้งแรกที่ถูกแสดงบนเวที และก็ยังคงเป็นหนึ่งในโอเปร่าที่ได้รับความนิยมมากที่สุดจนถึงทุกวันนี้ “La Traviata” ไม่ใช่แค่โอเปราธรรมดา มันเป็นเรื่องราวรักที่ซับซ้อนและความสลดใจอันลึกซึ้ง ซึ่งถูกถ่ายทอดออกมาผ่านดนตรีที่ไพเราะและรัญจวนหู
บรรยากาศของความรักที่บานปลาย
เวอร์ดี เป็นนักแต่งเพลงชาวอิตาลีผู้ยิ่งใหญ่ ซึ่งเป็นที่รู้จักกันใน “Rigoletto,” “Il Trovatore” และ “Aida” แต่ “La Traviata” ถือเป็นผลงานชิ้นเอกของเขา ที่ได้นำเสนอเรื่องราวรักที่ห้ามปรามระหว่าง วีโอเล็ตตา วาลลี่ (Violetta Valéry) หญิงสาวผู้มีชีวิตหรูหราและเป็นที่รู้จักในฐานะ “ดอกไม้” ของปารีส และ อัลเฟrdo Germont ชายหนุ่มรูปงามผู้มาจากตระกูลที่มีเกียรติ
ดนตรีของ “La Traviata” มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ซึ่งผสมผสานระหว่างความไพเราะที่น่าประทับใจและความดราม่าที่เข้มข้น ดนตรีของเวอร์ดีได้ถ่ายทอดอารมณ์ของตัวละครออกมาอย่างชัดเจน
วีโอเล็ตตา : หญิงสาวผู้มีหัวใจโศกเศร้า
วีโอเล็ตตา เป็นตัวละครหลักของ “La Traviata” ซึ่งได้รับการ चित्र portray เป็นหญิงสาวที่มีความงามและอำนาจ แต่ต้องแลกมาด้วยความเหงาและความเดียวดาย เธอได้พบรักกับ อัลเฟrdo ชายหนุ่มผู้บริสุทธิ์ ซึ่งทำให้เธอเกิดความหวังที่จะมีชีวิตที่ต่างออกไป
บทเพลง “Sempre libera” ของ วีโอเล็ตตา เป็นหนึ่งในบทเพลงที่โด่งดังที่สุดของ “La Traviata” ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความปรารถนาและความลังเลใจของเธอในการเลือกใช้ชีวิต
อัลเฟrdo: ชายหนุ่มผู้บริสุทธิ์
อัลเฟrdo เป็นตัวละครที่มีความซื่อสัตย์และจิตใจดีงาม ซึ่งหลงรัก วีโอเล็ตตา อย่างหมดหัวใจ แต่ความรักของเขากับวีโอเล็ตต้าถูกขัดขวางโดยพ่อของเขา
Germont: บิดาผู้แข็งกระด้าง
Germont, เป็นพ่อของ อัลเฟrdo ซึ่งต้องการให้ลูกชายของเขาหันหลังให้กับ วีโอเล็ตตา เพราะเห็นว่าเธอเป็น “ผู้หญิงตกนรก” ซึ่งไม่เหมาะสมที่จะเป็นคู่ครองของลูกชาย
ความรักต้องพบกับอุปสรรค
ความรักระหว่าง วีโอเล็ตตา และ อัลเฟrdo ถูกทดสอบอย่างหนักจากอุปสรรคต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นความขัดแย้งระหว่างชนชั้น สังคม หรือการวิพากษ์จากผู้คน
ในที่สุด วีโอเล็ตตา ก็ตัดสินใจที่จะเสียสละความรักของเธอเพื่อให้ อัลเฟrdo และครอบครัวของเขาได้มีความสุข
จบลงด้วยความเศร้า
“La Traviata” จบลงด้วยการตายของ วีโอเล็ตตา ในอ้อมกอดของ อัลเฟrdo ซึ่งทำให้ผู้ชมรู้สึกやりลายลึกซึ้ง
ตัวละคร | รายละเอียด |
---|---|
Violetta Valéry | หญิงสาวผู้มีชีวิตหรูหราและเป็นที่รู้จักในฐานะ “ดอกไม้” ของปารีส |
Alfredo Germont | ชายหนุ่มผู้บริสุทธิ์และหลงรัก วีโอเล็ตตา |
Giorgio Germont | บิดาของ อัลเฟrdo ซึ่งต้องการให้ลูกชายหันหลังให้กับ วีโอเล็ตตา |
การประพันธ์ดนตรีที่โดดเด่น
“La Traviata” เป็นโอเปราที่เต็มไปด้วยบทเพลงที่ไพเราะและรัญจวนหู ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการประพันธ์ของ จูเซปเป เวอร์ดี
-
บทเพลง “Libiamo ne’ lieti calici” (Let us drink with joyful glasses) เป็นบทเพลงที่เป็นที่นิยมอย่างมาก ซึ่งมักถูกนำมาขับร้องในงานเฉลิมฉลอง
-
บทเพลง “Sempre libera” (Always free) เป็นบทเพลงเดี่ยวของ วีโอเล็ตตา ที่แสดงให้เห็นถึงความปรารถนาและความลังเลใจของเธอในการเลือกใช้ชีวิต
-
บทเพลง “Addio del passato” (Farewell to the past) เป็นบทเพลงที่แสดงถึงความเศร้าโศกของ วีโอเล็ตตา ก่อนที่จะจากไป
การสร้างสรรค์บนเวที
การแสดงโอเปรา “La Traviata” มักจะจัดขึ้นในโรงละครโอเปราทั่วโลก โดยใช้ฉากและเครื่องแต่งกายที่งดงามเพื่อสร้างบรรยากาศของปารีสในศตวรรษที่ 19
สร Weltkrieg II: The End and The Beginning
สงครามโลกครั้งที่ 2 ทำให้การแสดงโอเปรา “La Traviata” ต้องหยุดชะงักไปเป็นระยะเวลานาน เนื่องจากความวุ่นวายทางการเมืองและเศรษฐกิจ
หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลง การแสดงโอเปรา “La Traviata” ก็ถูกนำมาแสดงบนเวทีอีกครั้ง และก็ยังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องจนถึงทุกวันนี้
สิ่งที่ทำให้ La Traviata พิเศษ
- เรื่องราวรักที่ซับซ้อน:
“La Traviata” นำเสนอเรื่องราวรักที่ห้ามปรามระหว่าง วีโอเล็ตตา และ อัลเฟrdo ซึ่งถูกขัดขวางโดยความแตกต่างทางชนชั้น สังคม และความคิดเห็นของคนในครอบครัว
- ดนตรีที่ไพเราะและรัญจวนหู:
เวอร์ดี เป็นนักแต่งเพลงที่สามารถถ่ายทอดอารมณ์ของตัวละครออกมาได้อย่างชัดเจน ผ่านดนตรีที่ไพเราะและรัญจวนหู
- บทบาทที่น่าจดจำ:
“La Traviata” มีบทบาทที่น่าจดจำสำหรับนักร้องโอเปรา ซึ่งทำให้เป็นที่นิยมในหมู่นักร้องโอเปราทั่วโลก
การมีอิทธิพลของ La Traviata ในวงการดนตรี
“La Traviata” เป็นโอเปราที่ได้รับความนิยมอย่างมากมาตั้งแต่ครั้งแรกที่ถูกแสดง และก็ยังคงเป็นหนึ่งในโอเปราที่ได้รับความนิยมสูงสุดในปัจจุบัน “La Traviata” ได้มีอิทธิพลต่อนักแต่งเพลงและนักร้องโอเปรารุ่นหลัง ๆ มาโดยตลอด
“La Traviata” เป็นผลงานชิ้นเอกของ จูเซปเป เวอร์ดี ที่ได้สร้างความประทับใจให้กับผู้ชมทั่วโลกมาเป็นเวลานาน